“เรียนบริบาล” ดีและจำเป็นหรือไม่? มีงานมั่นคงหรือไม่?

by | Apr 18, 2024 | Information

“เรียนบริบาล” ดีและจำเป็นหรือไม่? มีงานมั่นคงหรือไม่?

เมื่อประชากรในโลกของเรามีจำนวนผู้สูงอายุพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละปี ซึ่งนั้นรวมประเทศไทยด้วย และมีท่าทีว่าจะทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรับมือกับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต อีกทั้งนอกจากจำนวนผู้อายุแล้ว การดูแลเด็กเล็กยังมีความจำเป็นไม่แพ้กันกับในสังคมปัจจุบันนี้ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่อาจไม่มีเวลาดูแลต้องทำงาน จึงทำให้เกิดการเรียนบริบาลขึ้นมา หลายคนอาจเกิดข้อสงสัยว่าแล้วเรียนบริบาลคืออะไร? ดีอย่างไร? ทำไมต้องเรียนด้วย? เรียนไปแล้วดีจริงไหม? บทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันค่ะ

งานบริบาลคืออะไร?

คำว่า บริบาล ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ดูแลรักษา, ดูแลเลี้ยงดู ซึ่งผู้เรียนบริบาล จะต้องดูแลทั้งเด็กเล็ก คนชรา รวมไปถึงผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องใกล้ชิดตามแต่ผู้เรียนบริบาล แต่ละคนจะเลือกเรียน การดูแลบุคคลเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกหลักเพื่อลดอัตราความเสี่ยง รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคลที่ดูแล รวมถึงการดูแลการใช้เครื่องมือแพทย์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดู ด้วยเหตุนี้ การเรียนบริบาล จึงมีความสำคัญอย่างมากในสังคมยุคปัจจุบัน

การ “เรียนบริบาล” จำเป็นต้องเรียนไหม?

จากที่กล่าวไปข้างต้น งานบริบาลเป็นงานดูแลบุคคลที่จำเป็นต้องมีทักษะหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านค่อนข้างสูง ไม่ใช่แค่งานประคองเดินสบาย ๆ หรือแค่นำอาหารให้ทานสามเวาลาเท่านั้น บริบาลที่ดีต้องทำหลายหน้าที่มาก เพื่อที่จะลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้รับการดูแลนั่นเอง เราลองเปรียบเทียบระหว่างคนที่เรียนบริบาลกับคนที่ไม่ได้เรียนบริบาล คนที่เรียนย่อมมีความรู้ความเข้าใจต่อผู้รับการดูแลได้ดีกว่าถ้าเรา มีคุณตาคุณยายอยู่ในบ้าน 1 คน เพื่อน ๆ อยากฝากท่านไว้กับคนดูแลที่เรียนมาหรือไม่ได้เรียนล่ะ จริงไหมคะ?

ทราบถึงความสำคัญของการเรียนบริบาลแบบนี้แล้ว ลองมาดูข้อดีของการเรียนบริบาลกันบ้าง

ข้อดีของการ “เรียนบริบาล” มีอะไรบ้าง?

1. ใช้ระยะเวลาเรียนสั้น

หลักสูตรของการเรียนบริบาลมีตั้งแต่ประมาณ 80 ชั่วโมง ไปจนถึง 840 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นหลักสูตรการเรียนระยะสั้น เรียนจบแล้วจะได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ และสามารถทำงานบริบาลได้เลยด้วย เรียนไม่นานแถมทำงานได้เลย

2. ข้อจำกัดในการเรียนน้อย

การเรียนบริบาลสามารถสมัครได้ไม่จำกัดเพศหญิง หรือชาย เพียงแต่ต้องอายุ 18 -35 ปี ส่วนวุฒิการศึกษานั้นสามารถใช้ได้ตั้งแต่ ม.3 หรือเทียบเท่าเลยสะดวกมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งขอแค่ตั้งใจเรียนก็สมัครได้เลย นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรให้เลือกเวลาเรียนระหว่างวันธรรมดาหรือวันหยุดอีกด้วย สามารถเรียนควบคู่กับการเรียนรูปแบบอื่น ๆ หรือควบคู่การทำงานก็ได้

3. มีงานรองรับแน่นอน

เนื่องจากเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นจำนวนผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลมีเพิ่มมากขึ้น และรวมถึงศูนย์บริการดูแลผู้สูงอายุ สถานดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วยระยะพักฟื้นเริ่มมีจำนวนมากขึ้น โดยศูนย์ที่เปิดกันมากขึ้นนี้จำเป็นต้องมีผู้ผ่านการเรียนบริบาลแล้วทั้งสิน จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าการเรียนบริบาลเป็นความต้องการของตลาดสังคมผู้สูงอายุแบบ 100 % ยังไม่รวมเด็กเล็ก และผู้ป่วยซึ่งก็ต้องการการดูแลเช่นกัน ความต้องการเยอะขนาดนี้เรียนบริบาลจบหลักสูตรมามีงานรองรับแน่นอน

4. มีทางเลือกในการทำงานหลากหลาย

เรียนบริบาลจบแล้วสามารถบรรจุเข้าได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนทั่วประเทศ รวมทั้งคลินิกทันกรรม ศูนย์ความงาม หรือว่าจะรับงานดูแลผู้ป่วยตามบ้านก็ได้


5. งานบริบาล เป็นที่ต้องการในต่างประเทศ

นอกจากประเทศไทยแล้ว ทุกประเทศทั่วโลกนั้นต้องการคนทำงานดูแลเหมือนกัน โดยเฉพาะประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไวกว่าประเทศอื่นอย่าง ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร อเมริกา เยอรมันนี ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรเลีย และสเปน ถ้าหากว่าได้ภาษาด้วยก็จะยิ่งเป็นที่ต้องการ และมีโอกาสได้ไปทำงานที่ประเทศข้างต้น ใครที่มองหางานดี ๆ ในประเทศเหล่านี้อยู่การเรียนบริบาลก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ โรงเรียนนาราลักษณ์การบริบาล ได้เปิดหลักสูตรให้นักเรียนผู้ที่สนใจ “เรียนบริบาล” ได้เลือกเรียนตามความสะดวก คือ หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ( การดูแลผู้สูงอายุและการดูแลเด็กเล็ก ) มีให้เลือกทั้ง

ภาคปกติ เสาร์-อาทิตย์ และ ภาคออนไลน์ จันทร์-ศุกร์

อยากเรียกหลักสูตรไหนสามารถเลือกสมัครเรียนได้เลย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โทร 02-987-1681 , 096-635-4491 หรือแอดไลน์ ID : @naraluk_na

หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล
เรียนผู้ช่วยพยาบาล
เรียนบริบาล
เรียนดูแลผู้สูงอายุ
เรียนดูแลเด็กเล็ก
โรงเรียนนาราลักษณ์การบริบาล

0 Comments